วิธีการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ(Child Center)
1.วิธีการสอนแบบแก้ปัญหา(Problem-Solving Method)
วิธีสอนนี้ จอห์น ดิวอี้(John Dewey)เป็นผู้คิดค้นขึ้นมา หลักใหญ่อาศัยวิธีการสอนที่ใช้แก้ปัญหาของนักเรียนโดยครูเป็นผู้ชี้แนะเท่านั้น วิธีการแก้ปัญหาโดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์(Scientific Method) ทุกประการคือ
-กำหนดขอบเขตของปัญหา
-ตั้งสมมติฐาน
–ทดลองและรวบรวมข้อมูล
–วิเคราะห์ข้อมูล
–สรุป
2.วิธีการสอนแบบแสดงบทบาท
เป็นการสอนที่กำหนดให้ผู้เรียน แสดงบทบาทตามสมมติฐานขึ้นเทียบเคียงกับสภาพที่เป็นจริงหรือแสดงออกตามแนวคิดที่ว่าควรจะเป็น เพื่อให้ผู้ดูเกิดความรู้ ความเข้าใจ ในสิ่งที่เกิดขึ้นการแสดงบทบาทสมมติจะช่วยให้เกิดความสนใจ ฝึกความกล้าที่จะแสดออก เป็นการผ่อนคลายอารมณ์ตรึงเครียดของเด็ก
3.วิธีการสอนแบบวิทยาศาสตร์(Scientific Method)
เป็นการสอนโดยนำหลักการทางวิทยาศาสตร์มาใช้เป็นโอกาสให้นักเรียนได้ค้นพบปัญหาและวิธีการแก้ไข ด้วยกระบวนการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ เหมาะสำหรับการศึกษา ค้นคว้า ทดลอง แบบง่ายๆ
4.วิธีสอนตามขั้นที่ 4 ของอริยสัจ
ขั้นต่างๆของอริยสัจ 4 = ขั้นต่างๆของวิธีการแก้ปัญหาหรือวิธีทางวิทยาศาสตร์
ทุกข์= กำหนดปัญหา
สมุทัย=การตั้งสมมติฐาน
นิโรธ=การทดลองและเก็บข้อมูล
มรรค=การวิเคราะห์ข้อมูล การสรุป
5.วิธีการสอนแบบทดลอง
มีลักษณะคล้าย การวิธีการสอนแบบวิทยาศาสตร์แต่มีการปรับปรุงหลักการบางส่วนเรื่องความเหมาะสมกับการเรียนวิชาอื่นๆ
วิธีการสอนแบบทดลองแสดงข้อเท็จจริงจากการสืบสวน ค้นคว้าและทดลอง
วิธีการสอนแบบนี้ยังต่างจากการสอนแบบสาธิตด้วยเพราะการสอนแบบสาธิตเป็นผู้ทดลองให้นักเรียนดูส่วนการสอนแบบทดลองนักเรียนเป็นผู้ลงมือปฏิบัติเอง
6.วิธีการสอนแบบอภิปราย
เป็นการสอนแบบการเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันเพื่อช่วยแก้ปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างครูกับนักเรียนและระหว่างนักเรียนด้วยกัน โดยมีครูเป็นผู้ประสานงานครูไม่ต้องซักถามปัญหานักเรียนแต่ให้นักเรียนซักถามปัญหาและช่วยกันตอบอันเป็นการส่งเสริมให้นักเรียนฝึกพูดและส่งเสริมการอยู่ร่วมกันแบบประชาธิปไตย
7.วิธีการสอนแบบจุลภาค
เป็นนวัตกรรมการศึกษาเป็นประสบการณ์ที่ย่อส่วนลงมาภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีการควบคุมอย่างรัดกุมโดยสอนในห้องเรียนแบบง่ายๆกับนักเรียน 5-6 คนใช้เวลา 5 - 15 นาที เปิดโอกาสให้ครูได้ฝึกทักษะการสอนแบบใหม่ๆขณะการสอนมีการบันทึกภาพที่ให้ดูได้ดูการสอนของตนเพื่อปรับปรุงทักษะให้ดีขึ้นก่อนนำไปใช้จริงในชั้นเรียน การสอนวิธีนี้จึงเป็นการสอนแบบย่นย่อทั้งเวลาขนาดของชิ้นงานและทักษะ
8 .วิธีการสอนแบบโครงการ
เป็นการสอนที่ให้นักเรียนเป็นหมู่หรือรายบุคคลได้วางโครงการและดำเนินงานให้สำเร็จตามโครงการนั้นเป็นการสอนที่สอดคล้องกับสภาพชีวิตจริงนักเรียนเริ่มต้นของโครงการด้วยการตั้งปัญหาและดำเนินการแก้ปัญหาด้วยการลงมือปฏิบัติจริง
9 .วิธีสอนแบบหน่วย
เป็นวิธีการสอนที่นำเนื้อหาวิชาหลากหลายวิชามาสัมพันธ์กันโดยไม่กำหนดขอบเขตของวิชาแต่ยึดความมุ่งหมายของบทเรียนที่เรียกว่าเหนื่อยโดยไม่ยึดขอบเขตรายวิชาแต่ถือเอาความมุ่งหมายของหน่วยเป็นหลักเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของผู้เรียนการสอนเป็นหน่วยนั้นบางหน่วยจะสอนเป็นเวลาหลายเดือนบางหน่วย 2 จบภายใน 2-3 วันแล้วแต่ความในใจของหน่วย
10. การสอนแบบศูนย์การเรียน
เป็นการเรียนรู้จากการประกอบกิจกรรมของนักเรียนโดยแบ่งบทเรียนออกเป็น 4-6กลุ่มแต่ละส่วนประกอบกิจกรรมแตกต่างกันออกไปตามที่กำหนดไว้ในชุดการสอนแต่ละกลุ่มจะมีสื่อการเรียนที่จัดไว้ในซองหรือในกล่องวางบนโต๊ะเป็นศูนย์กิจกรรมแต่ละกลุ่มหมุนเวียนกันประกอบกิจกรรมตามสูงสง่าแห่งละ 15 -20 นาทีจนครบทุกศูนย์
11 .วิธีการสอนโดยใช้บทเรียนแบบโปรแกรม
หมายถึงสื่อการเรียนที่ช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองตามความสามารถของแต่ละบุคคลโดยแบ่งเนื้อหาออกเป็นหลายๆกรอบแต่ละกล่องจะมีเนื้อหาเฉพาะแบบฝึกให้ทำพร้อมเฉลยคำตอบ
12. บทเรียนโมดูล
เส้นบทเรียนหน่วยหนึ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษาเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ของบทเรียนที่สร้างขึ้นบทเรียนโมดูล จะประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญคือองค์ประกอบของบทเรียนโมดูล
1. หลักการและเหตุผล
2. จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
3. การประเมินผลก่อนเรียน
4. กิจกรรมการเรียน
5. การประเมินผลหลังเรียน
13. คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
คอมพิวเตอร์คือ สื่อการเรียนการสอนที่เป็นเทคโนโลยีระดับสูงที่นำมาประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้ผู้เรียนคอมพิวเตอร์มีปฏิสัมพันธ์กันหลักการของระบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอนทุกแนวคิดที่จะให้ระบบคอมพิวเตอร์ให้เป็นสื่อสนับสนุนกิจกรรมการเรียนการสอนให้ มีประสิทธิภาพโดยใช้ทรัพยากรน้อยที่สุดในสถานการณ์และเนื้อหาวิชาที่มีความยาวที่เหมาะสมกับวุฒิภาวะทางการรับรู้ของผู้เรียนผู้เรียนมีส่วนร่วมกิจกรรมอย่างกระตือรือร้น
14. การสอนซ่อมเสริม
หมายถึงการจัดการเรียนเพิ่มแก่นักเรียนที่มีระดับสติปัญญาต่ำเรียนไม่ทันเพื่อนขาดความคิดรวบยอดหรือจัดการเรียนเพิ่มเกรดนักเรียนที่เก่งฉลาดเพื่อให้ได้รับความรู้เพิ่มขึ้นแต่ส่วนใหญ่การซ่อมเสริมนักจัดให้เด็กที่มีผลการเรียนต่ำเรียนในเวลาไม่รู้เรื่องไม่สนใจเรียน
15. หมวกแห่งความคิด
หมวกแห่งความคิดมี 6 ใบดังนี้
1. หมวกสีขาวขาวบริสุทธิ์เป็นตัวแทนข้อเท็จจริงข้อมูลตัวเลขเป็นสิ่งที่ทุกคนยอมรับในการโต้แย้ง
2. หมวกสีแดงด้านอารมณ์ความรู้สึกและการหยั่งรู้
3. หมวกสีดำดำแทนความคิดทางลบในทางที่ไม่ดีไม่ได้ผลจุดด้อยข้อผิดพลาด
4. หมวกสีเหลืองด้านสิ่งที่ถูกต้องสิ่งสร้างสรรค์สนับสนุนให้กำลังใจ
5 .หมวกสีเขียวและการเจริญเติบโตความอุดมสมบูรณ์คุณค่าของความคิด
6. หมวกสีน้ำเงินแจ้งการควบคุมควบคุมบทบาทสมาชิกของครู
16. การสอนแบบ 4 MAT
เล่นแผนการสอนที่ประยุกต์มาจากแบบใยแมงมุมในกิจกรรมจากนั้น 4 ขั้นตอนหรือใช้กับผู้เรียนที่มีความแตกต่างระหว่างบุคคล
ขั้นที่ 1 Why (ทำไม) เลือกตั้งคำถามกระตุ้นให้เด็กสนใจในเรื่องที่เรียน
ขั้นที่ 2 What(อะไร)เป็นการอธิบายความเข้าใจในการจัดการศึกษาด้วยตนเอง
ขั้นที่ 3 How (ทำอย่างไร)เช่นการนำไปปฏิบัติการนำไปใช้
ขั้นที่ 4 If (ถ้า) เป็นการกระตุ้น
17. แผนการสอนแบบ CIPPA
เป็นแผนการสอนที่ใช้กิจกรรมที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง 5 ด้านได้แก่
1. construct หรือจะสร้างความรู้ตามแนวคิดของConstructivismที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตนเอง
2. Interaction หรือการปฏิสัมพันธ์หมายถึงผู้เรียนมีโอกาสปฏิสัมพันธ์กับผู้สอนสื่อและสิ่งแวดล้อมรอบตัว
3. Physical Participation หรือการมีส่วนร่วมทางกายหมายถึงผู้เรียนมีโอกาสเคลื่อนไหวร่างกายในการทำกิจกรรมต่างๆ
4. Process Learning ศูนย์การเรียนรู้กระบวนการต่างๆซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต
5. Application ยังนําความรู้ไปประยุกต์ใช้หมายถึงผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปใช้ได้ในสถานการณ์ต่างๆ
18. การสอนแบบ (Story line)
เป็นการสอนแบบบูรณาการการดึงเอาแนวคิดจากวิชาต่างๆโดยใช้กระบวนการหลักหลายมันแก้ปัญหาด้านกิจกรรมหลายๆรูปแบบโดยให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติด้วยตนเองและตอบสนองความแตกต่างของผู้เรียนโดยคำนึงว่าผู้เรียนมีประสบการณ์และทักษะเดิมมีการเรียนรู้ในหลายลักษณะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น